สิวเสี้ยน เกิดจากความผิดปกติของไขมันอุดตันในรูขุมขนที่ทำให้เกิดสิวที่มีลักษณะคล้ายสิวอุดตันหัวดำ สิวเสี้ยนและสิวอุดตันหัวดำนั้นมีความต่างกันคือตรงที่เกิดสิวเสี้ยนจะมีขนอ่อน ๆ กระจุกอยู่ภายในสิวเสี้ยนที่รวมกับไขมันหรือเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว โดยส่วนมากแล้วสิวเสี้ยนมักจะเกิดขึ้นที่จมูก นอกจากนี้ยังอาจพบได้ที่บริเวณหนังศีรษะ หน้าอก หลัง หรือที่อื่น ๆ สิวเสี้ยนเกิดขึ้นได้กับทั้งผู้ชายและผู้หญิง ส่วนใหญ่พบได้ในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก
ทำไม่จึงมีสิวเสี้ยน
สิวเสี้ยนเกิดจากการที่รูขุมขนอุดตัน เนื่องจากรูขุมขนของเราแต่ละรูจะมีเซลล์รากขนและต่อมน้ำมัน เพื่อการรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวหน้านั้นจึงต้องมีต่อมไขมันคอยผลิตน้ำมันออกมา แต่หากต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามากเกินไปส่งผลให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนขึ้นมา และเกิดการสะสมของแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้วเกิดเป็นสิวเสี้ยนขึ้นมานั่นเอง
สิวเสี้ยนเกิดจากอะไร
สิวเสี้ยนเกิดขึ้นจากการผลิตน้ำมันผิดปกติของต่อมรูขนมีผลให้รูขุมขนบริเวณนั้นเกิดขนอ่อน ๆ ขึ้นมากผิดปกติ และไม่สามารถหลุดร่วงไปตามกาลเวลาได้ และเมื่อบริเวณที่ขนอ่อนขึ้นนั้นทำปฏิกิริยากับเซลล์ที่ตายและแบคทีเรียรวมถึงน้ำมันที่ถูกผลิตออกมามากเกินไป ทำให้เกิดสิวเสี้ยน โดยสิวชนิดนี้อาจก่อให้เกิดการอักเสบหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ร่วมด้วย ทั้งนี้ ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการอุดตันของสิวเสี้ยน ได้แก่
- การทำงานที่มากผิดปกติของฮอร์โมนเพศชายภายในผิวหนัง หรือการมีฮอร์โมนเพศชายมากเกินไป
- ปริมาณกรดไขมันไลโนเลอิก (Linoleic Acid) ที่อยู่ในซีบัมซึ่งอยู่บนผิวหนังชั้นนอกลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหนังอ่อนแอลงเนื่องจากขาดสิ่งปกป้อง
- ระบบภูมิคุ้มกันสร้างสารไซโทไคน์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบ (Proinflammatory Cytokines)
- เชื้อแบคทีเรียพีแอคเน่ (Propionibacterium Acne: P. Acnes) ก่อให้เกิดสิวสร้างกรดไขมันอิสระมากเกินไป
- ภาวะที่ร่างกายมีน้ำมากเกินไปก่อนมีประจำเดือน ส่งผลต่อการอับชื้น
- การสัมผัสกับสารเคมี เช่น ผลิตภัณฑ์แต่งผม สารเคมีไอพีเอ็ม (Isopropyl Myristate: IPM) สารโพรพิลีนไกลคอล (Propylene Glycol) และผลิตภัณฑ์ย้อมสีบางชนิดที่กระตุ้นการก่อให้เกิดสิว
- ภาวะรูขุมขนถูกทำลายเนื่องจากผิวหนังเกิดการบาดเจ็บ เช่น การบีบสิว การล้างหน้าที่ไม่อ่อนโยน การใช้สารเคมี หรือการทำเลเซอร์ผิวหนัง
- การสูบบุหรี่
- การรับประทานอาหารที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิดสิว เช่น อาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง เป็นต้น
ความเชื่อเกี่ยวกับสิวที่หลายคนเข้าใจผิด
ยังมีหลายคนที่เชื่อว่าสิวเสี้ยนนั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่น ๆ นอกเหนือจากการไม่รักษาความสะอาด แต่ความเชื่อเหล่านั้นมีทั้งที่เป็นจริงและไม่เป็นจริงเช่นกัน วันนี้เรามีคำตอบมาให้ดูกัน
- รับประทานช็อกโกแลตทำให้เกิดสิว อาหารถือเป็นปัจจัยเพียงเล็ก ๆ ของปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว ทั้งนี้ยังไม่มีงานวิจัยใด ๆ ยืนยันว่าการรับประทานช็อกโกแลตทำให้เกิดสิวพบเพียงว่าการรับประทานอาหารที่ทำจากนมหรือมีคาร์โบไฮเดรตอาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้ ซึ่งยังต้องศึกษาหาผลที่แน่ชัดต่อไป
- การล้างหน้าบ่อย ๆ จะช่วยลดสิวได้ การล้างหน้าบ่อย ๆ ทำให้ผิวหนังเกิดตความระคายเคืองง่าย ทำลายชั้นปกป้องผิว และการขัดหรือทำความสะอาดหน้ามากเกินไปเป็นจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดสิว ดังนั้นจึงควรล้างหน้าเพียงวันละ 2 ด้วยโฟมล้างหน้าที่อ่อนโยน ไม่เอี๊ยด และหลังจากล้างหน้าเสร็จควรเช็ดด้วยผ้าสะอาดเพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรีย
- การบีบสิวช่วยป้องกันสิวได้ การบีบสิวนั้นจะยิ่งทำให้เชื้อแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในสิวแพร่กระจายไปทั่วผิวหนังบริเวณนั้นและก่อให้เกิดสิวได้มากขึ้น อีกทั้งอาจทำให้เกิดแผลเป็นหรือหลุมสิวที่ผิวหนังได้
- ยิ่งแต่งหน้า ยิ่งทำให้เกิดสิว การแต่งหน้าไม่ทำให้เกิดสิวเสมอไป เพราะหากเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนประกอบของสารกระตุ้นการเกิดสิว หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวหน้าก็จะไม่ทำให้ผิวหนังเกิดการอุดตันของรูขุมขนจนเกิดสิวได้ นอกจากนี้ ควรล้างเครื่องสำอางให้สะอาดอย่าเหลือคราบตกค้างทุกครั้งก่อนเข้านอน และหมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าอย่างสม่ำเสมอ
สิวเสี้ยน รักษาอย่างไรให้ได้ผล
การเกิดสิว เช่นหากสิวเสี้ยนนั้นเกิดจากเครื่องสำอาง การอุดตันของขน ในบางกรณี สิวเสี้ยนสามารถรักษาได้เองโดยไม่จำเป็นต้องรักษาโดยแพทย์ ถ้าเรารู้สาเหตุสามารถรักษาเองได้โดยการถอนขนอ่อนเหล่านั้นออก หรือใช้ที่ปิดรักษาสิวอุดตันก็ช่วยได้ ในระหว่างการรักษาสิวนั้นจะต้องดูแลรักษาความสะอาดผิวหนังบริเวณที่เกิดสิวให้สะอาดอยู่เสมอและดูแลมากเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้สิวกลับมาเป็นซ้ำ โดยควรดูแลตัวเองดังนี้
- เลือกเครื่องสำอางที่ได้มาตรฐานและไม่มีส่วนผสมของน้ำมันเพื่อไม่ให้เกิดการอุดตัน
- ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งด้วยโดยโฟม หรือต้องการล้างระหว่างวันให้ใช้น้ำเปล่า
- งดสูบบุหรี่
- ลดการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาล ไขมัน หรือผลิตภัณฑ์จากนม
- ทั้งนี้หากต้องการให้สิวเสี้ยนหายเร็วก็รักษาได้ด้วยยา ยาที่นิยมมักจะเป็นยาทา ซึ่งต้องทาอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง และอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าอาการจะเริ่มดีขึ้น ยาทาสิวที่ใช้ได้ผลมักมีส่วนประกอบของ
- เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ยาชนิดนี้ใช้ในการรักษาสิวชนิดที่ไม่รุนแรง เป็นยาอ่อนโยน สามารถใช้ในสตรีมีครรภ์ได้ มีผลข้างเคียงคือทำให้ผิวแห้ง อาจเกิดอาการระคายเคือง หรืออาจมีอาการแพ้ในบางราย
- กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) ยาชนิดนี้ใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะหรือยาอื่น ๆ ในการรักษาได้ แต่มีผลข้างเคียงคือ ทำให้เกิดอาการบวมแดง ผิวหนังลอก อาจมีอาการคัน หรือแสบร้อนบริเวณที่ใช้ยาได้
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ซัลเฟอร์ (Sulfur) และรีซอร์ซินอล (Resorcinol) เป็นที่นิยมใช้ในการรักษาโรคผิวหนังหลายชนิด รวมทั้งอาการสิว การใช้ยานี้ต้องระมัดระวังผลข้างเคียง ได้แก่ ผิวหนังระคายเคืองอย่างรุนแรง ในบริเวณที่ใช้ยา ผิวหนังจะมีลักษณะแดงมากกว่าปกติ หากสัมผัสจะรู้สึกอุ่น ๆ ไม่ต้องตกใจ ไม่ควรใช้ในปริมาณมากอาจทำให้ได้รับยาเกินขนาดจนเป็นอันตราย
- กรดไกลโคลิค (Glycolic Acid) เป็นยาที่ใช้รักษาสิวได้ดี และเป็นตัวช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ไม่ควรใช้ติดต่อกันนาน ๆ เนื่องจากอาจส่งผลเสียต่อผิวหนังชั้นลึกได้ อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง เนื่องจากยาตัวนี้มีลักษณะเป็นกรด
- สารประกอบเรตินอยด์ (Retinoids) เป็นยารักษาสิวที่มัก มีลักษณะเป็นยาทา หาซื้อได้ง่ายแต่ต้องระมัดระวังผลข้างเคียง ในบางรายอาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง และเกิดอาการบวมแดง และเกิดตุ่มน้ำขึ้น
สำหรับผู้ที่เป็นสิวเรื้อรังไม่สามารถใช้ยารักษาได้ หรืออาจจะใช้ยาแล้วไม่ได้ผลเนื่องจากเกิดอาการดื้อยา แพทย์อาจแนะนำให้ใช้การรักษาสิวเสี้ยน ด้วยเลเซอร์ โดยชนิดของเลเซอร์ที่ใช้จะเป็นชนิดลองเพาซ์อเลคซานไดซ์ (Long Pulsed Alexandrite Laser) ที่มีความยาว 755 นาโนเมตร ใช้รักษาสิวเสี้ยนโดยเฉพาะ วิธีนี้จะช่วยกำจัดสิวเสี้ยนให้หมดไปได้
วิธีป้องกันสิวเสี้ยน
สิวเสี้ยนนั้นป้องกันได้ด้วยวิธีง่าย ๆ คือ เริ่มจากดูแลรักษาความสะอาดใบหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังมีวิธีอื่น ๆ ได้แก่
- ล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
- ล้างเครื่องสำอางอย่างสะอาดทุกครั้ง
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยับยั้งความมันของใบหน้าเพื่อป้องกันสิว
- เลือกเครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำมัน เพื่อป้องกันเครื่องสำอางอุดตันรูขุมขนบนใบหน้า
- งดการใช้มือสัมผัสกับใบหน้าโดยไม่ได้ล้างมือ
- ใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมที่มีส่วนผสมของน้ำเป็นหลัก (Water-Based) และหลีกเลี่ยงการให้ผมปรกหน้าเพราะน้ำมันจากผมจะอุดตันของรูขุมขน
ทั้งนี้ หากยังมีสิวเสี้ยนขึ้นบนใบหน้า หรือมีอาการรุนแรงขึ้น หรือไม่สามารถรักษาเบื้องต้นให้หายได้ ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อหาสาเหตุของการเกิดสิวเสี้ยน และรับการรักษาที่ตรงจุดและเหมาะกับสภาพผิว